ซึ่งในวันนี้ นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา อดีตผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ พร้อมด้วย คุณยายสุนีรัตน์ ทองบุญชุม อดีตผู้ป่วยมะเร็งเต้านม อายุ 90 ปี และ คุณประสิทธิ์ สุมณฑา อดีตผู้ป่วยมะเร็งลำคอ อายุ 73 ปี มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการไปรักษายังโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่ แสตมฟอร์ดกวางโจว ด้วย

คุณยายสุนีรัตน์ เปิดเผยว่า ตนไปรักษามาจนถึงวันนี้ผ่านมาแล้วห้าปีกว่า ลูกสาวเป็นคนแนะนำตอนนั้นอายุ 84 ปี แรกเริ่มรักษาที่ รพ.ในไทยด้วยการผ่าตัดเต้านม จากนั้นไม่ได้ทำอะไรต่อเลยผ่านไปแปดเดือนตรวจพบว่ามีค่ามะเร็งในเลือดสูงจึงไปตรวจอุลตร้าซาวด์พบว่าลุกลามไปที่ตับ ลูกสาวจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลแสตมฟอร์ดกว่างโจว รักษาด้วยการใช้ความร้อนจี้ไปที่ตับทำอยู่ 3 ครั้ง รวมทั้งครีโมเฉพาะจุด ไม่เจ็บแค่รู้สึกเสียวๆ

หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติกินอิ่มนอนหลับ ใช้เวลารักษาตัวอยู่ประมาณ 9 เดือน ซึ่งช่วงที่ไปรักษามีการระบาดของ โควิด-19 ทำให้การเดินทางเข้าออกประเทศจีนไม่ได้อยู่ช่วงหนึ่ง ต้องขอบใจลูกที่เอาใจใส่และพาตนไปรักษา ไม่งั้นป่านนี้ก็น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ต้องขอบคุณหมอซ่ง ซื่อจวิน จี้รักษาตนจนหายมาถึงวันนี้

คุณประสิทธิ์ เล่าว่า ปี 54 ตนตรวจพบเนื้อร้าย ตอนปฏิเสธการรักษาด้วยเคโมในเมืองไทย ผึ้งง้อผีหมอพระเอาทุกทาง จวนก้อนมะเร็งที่ลำคอเป็นก้อนขนาดใหญ่กินนอนลำบากมากคนที่พบเห็นก็เบลอหน้าหนีมองเห็นแล้วมันน่ากลัวมากอย่าคิดว่าจะจบชีวิตลง ช่วงนั้นมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลาหมอที่โรงพยาบาลแจ้งว่าตนจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน

พบว่าที่เมืองจีนมีรักษาแบบเฉพาะจุด เตัดสินใจไปรักษาหมอที่โรงพยาบาลให้เครโมเฉพาะจุด 7 ครั้ง ไอเย็น 3 เข็ม และฉายแสง กับเอาเลือดออกมา ฟอกเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน รักษาอยู่ 9 เดือนเต็ม นับจากวันนั้นจนมาถึงวันนี้เข้าปีที่ 10 ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เจ็บป่วยต้องกินยาอะไรสักเม็ด ตรวจค่ามะเร็งก็ไม่มี สามารถพูดได้ว่าน่าจะหายขาด ตนยอมรับว่าโรงพยาบาลนี้ให้ชีวิตใหม่กับตนยินดีที่จะมาแบ่งปันเผยแพร่ประสบการณ์การเป็นมะเร็งให้กับพี่น้องประชาชนที่สนใจทุกคน

นุ๊ก สุทธิดา กล่าวว่า ตนเป็นผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์ ซึ่งนับว่าเป็นมะเร็งชนิดที่มีอันตรายน้อยมากที่สุด กว่าเป็นมะเร็งที่อื่น หลังจากที่เราเริ่มรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งก็จะทำให้เราต้องใช้ชีวิตที่ระมัดระวังทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง
ของตนยังมีมะเร็งกระจายอยู่แต่ไม่ถึงขั้นรวดเร็ว เพียงแค่กลางๆ เมื่อตรวจเจอปุ๊บเราก็ผ่าตัดเลยและกลืนแร่ ประคองอาการด้วยการทานยาตรวจเลือดทุก 3 เดือนสแกนอุลตร้าซาวด์ทุก 6 เดือน ว่าขนาดมันโตขึ้นหรือเปล่า เวลาไปฟังผล แม้จะทำใจไว้ไม่กลัว แต่ทุกครั้งก็ยังเกิดความรู้สึกใจตุ๊มๆ ต่อมๆ หมอบอกว่าขนาดโตขึ้นมา 1 ม.ม.นะ เราก็รู้สึกว่าว๊าบเบาๆ แต่ก็ยิ้มสู้

ก่อนจะมาเจอโรงพยาบาลสมัยใหม่แสตมฟอร์ดกว่างโจว ครั้งแรกตั้งใจว่าจะเข้าไปนั่งฟังเฉยๆ อยากจะรู้ว่าโรงพยาบาลที่เมืองจีนเขาทำยังไง ราคาแพงไหม ต้องไปรักษาที่ต่างประเทศจะสื่อสารเข้าใจกันไหม วันนั้นพอได้ฟังคุณหมอเผิง อธิบายตั้งแต่เรื่องการดูแลตัวเองพอรับฟังแล้วก็รู้สึกว่าเออมันตรงกับเรานะ ซึ่งหลายคนแนะนำให้เลี่ยง อาหารประเภท โปรตีน แต่คุยกับคุณหมอเผิงก็บอกว่าโปรตีนก็มีความสำคัญนะซึ่งเราควรรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ อาหารของมะเร็งจริงๆคือน้ำตาล ซึ่งเรามีความเห็นที่ใกล้เคียงกันกับหมอเผิง ไม่ใช่ว่าจะให้เรามาตัดเนื้อตัดโปรตีนเลยก็ต้องมีเหตุผลมาชี้แจงให้เราเข้าใจ
พอฟังคุณหมอเผิงแล้วทำให้มีแนวความคิดที่ตรงกันจึงเริ่มเปิดใจกับโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตนฟอร์ดกวางโจว
อีกอย่างการที่ได้มานั่งคุยกับคุณหมอเผิงที่ให้คำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายต้องเสียเงินใดๆ เลย ตอนแรกยังคิดว่าหลอกลวงเราหรือเปล่า โฆษณาชวนเชิญหลอกไปตีหัวหรือเปล่า?

เพราะตนเคยเจอแบบนี้มาบ่อย วันนั้นตนหอบเอกสารการรักษามาให้คุณหมอดูไม่มีการเสียเงินค่าใช้จ่ายเลย การไปรักษาที่เมืองจีนจะเก็บเงินก็ต่อเมื่อ ดำเนินการรักษาไปแล้วทำแบบนี้กับทุกคนไม่ใช่เฉพาะตนเท่านั้น
ดังนั้นตนแนะนำว่าหากใครที่ต้องการจะปรึกษากับโรงพยาบาลนี้ในครั้งต่อๆไปสามารถหอบเอกสารมาขอคำปรึกษาแนะนำได้เลย ยืนยันไม่เสียเงินนี่เป็นเรื่องจริง

เมื่อต้นไปรักษาตัวที่นั่นก็มีความรู้สึกว่ามันเลิศมากจนอยากจะไปสัก 4-5 รอบ เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่นเขาจะให้คีย์การ์ด สำหรับห้องที่เราจะไปนอนรักษาตัว จะไม่มีแพทย์พยาบาลเปิดประตูเข้ามาตรวจทุกชั่วโมง พยาบาลสามารถตรวจอุณหภูมิคนไข้ได้จากอุปกรณ์ด้านหน้าห้องเลย ย้อนกลับมาที่เรื่องของราคาค่าห้องพัก ต้องบอกว่าคุณพระ มันถูกมาก เริ่มต้นที่ 1,500 บาท ภายในห้องยังมีมีเตียงสำหรับคนมาเฝ้าคนไข้ด้วย ถ้าเป็นห้องพักพิเศษราคาก็ประมาณ 3,000 บาท จะเป็นห้องชุด ยืนยันว่ารวมรวมแล้วค่ารักษาต่ำกว่าที่เมืองไทยเสียอีก โรงพยาบาลสมัยใหม่แสตมฟอร์ดกวางโจวมีรับเรื่องของประกันฯ แต่ขอให้ปรึกษาดูก่อนว่ามีของเราทำไว้หรือเปล่า

วันก่อนตนไปตัดผมเจอคุณนุ่นภรรยาของหลุยส์สก็อต เข้ามาทักว่าอาการเป็นยังไงบ้างซึ่งตอนนั้นตนลืมไปแล้วว่าเคยเป็นมะเร็ง คุณนุชเล่าให้ฟังว่าคุณแม่ไปรักษาตัวที่นี่เหมือนกันประทับใจมากกับโรงพยาบาลนี้ ซึ่งตอนนั้นคุณแม่คุณนุ่นมาในระยะที่นับถอยหลังแล้วเรียกได้ว่าไม่มีสติแล้วนอนไปตื่นที่โน่นไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นอะไรคุณหมอที่เมืองไทยปฏิเสธการรักษาแล้ว หลังจากที่รักษาที่โน่นก็สามารถอยู่ต่อได้อีกเกือบหนึ่งปีเต็มก่อนที่จะเสียไป คุณพ่อที่ตามไปดูแล คุณแม่ก็มีอาการเครียดแต่ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไปด้วย

ตนสามารถยืนยันได้เท่าที่เห็นมาว่าทางโรงพยาบาลมีการดูแลโดยเฉพาะสภาพจิตใจของผู้ป่วยมีการทำโยคะในตอนเช้ามีพาไปเที่ยวมีสัมมนาผู้ป่วยในแต่ละประเทศสามารถลงจอยกันได้ซึ่งจะมาหรือไม่มาไม่มีใครว่าอะไรมีกิจกรรมหลายอย่างให้ร่วม ตอนยังอยู่ในขั้นตอนของการรักษาเดือนหน้าจะต้องไปอีกรอบ

นายแพทย์ซ่ง ชื่อจวิน (Professor Song Shi Jun) แพทย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง มีประสบการณ์กว่า 40 ปี เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยและรักษามะเร็งตับ มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ด้วยเทคนิคทางเคมีชีวภาพ และการใช้ยาแบบมุ่งเป้า เป็นการรักษาแบบบาดแผลเล็กและการรักษาแบบประคับประคอง ช่วยลดและบรรเทาอาการปวดของโรค โดยมีผู้สนใจร่วมงานจำนวนมาก