เทคนิคคีโมสีเขียว
ปัจจุบันนี้วิธีเคมีบำบัด เป็นหนึ่งในขั้นตอนของวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบเก่า อย่างไรก็ตาม เคมีบำบัดถือเป็นดาบสองคม ในด้านหนึ่ง เคมีบำบัดสามารถขจัดเซลล์มะเร็งได้ แต่อีกด้านหนึ่งก็สามารถทำลายเซลล์ปกติในร่างกายด้วย สร้างความเสียหายแก่อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดี เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ท้องเสีย เป็นต้น ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถรับอาการเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามหรือในระยะสุดท้ายที่มีภูมิต้านทานต่ำ หากเลือกวิธีเคมีบำบัดที่มีผลข้างเคียงสูง จะยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง ทำให้อาการยิ่งแย่ลง ยากต่อการมีผลการรักษาที่ดีได้
>>ถ้าเกิดว่าคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็ง คลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
คุณ จุฑามาศ จากประเทศไทย ปี พ.ศ.2557 ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โดยลุกลามไปที่ตับและกระดูก หลังจากทำคีโมที่โรงพยาบาลในประเทศไทยไป 12 ครั้ง อาการของเธอกลับไม่ได้ดีขึ้นเลย นับวันยิ่งแย่ลง ร่างกายของเธออ่อนแอมาก ผมร่วง ลิ้นไม่รับรสอาหาร ร่างกายอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง โชคดีที่เธอได้เข้ารับการรักษาแบบบาดแผลเล็กโดยเทคนิคเคมีเฉพาะจุด เทคนิคความเย็น และเทคนิคมีดโฟตอนที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแสตมฟอร์ด ก้อนเนื้อมะเร็งที่ปอดเล็กลง ปัจจุบันนี้อาการของคุณจุฑามาศนั้นดีขึ้น ร่างกายฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติ ดูไม่ออกเลยว่าเป็นเคยโรคมะเร็ง
คลิกอ่านรายละเอียดประสบการณ์การต่อสู้กับโรคมะเร็งของคุณจุฑามาศ
เทคนิคเคมีบำบัดสีเขียว
เคมีบำบัดสีเขียว ความหวังใหม่ของการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามและระยะสุดท้าย
เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาให้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามและระยะสุดท้าย ที่ไม่กล้าหรือไม่สามารถทำการรักษาแบบดั้งเดิมได้ โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแสตมฟอร์ดได้ปรับปรุงวิธีเคมีบำบัดแบบเดิม ได้เปิดตัว “เคมีสีเขียว” เป็นเทคนิคสมัยใหม่ในการเข้าทำลายเซลล์มะเร็ง โดยครอบคลุมถึง: เทคนิคตัวยามุ่งเป้า เทคนิคตัวยาตามเวลา เทคนิคตัวยาเฉพาะที่ เทคนิคตัวยา2ทาง หลีกเลี่ยงข้อเสียจากการทำเคมีบำบัดได้อย่างเหมาะสม ประสิทธิภาพในการรักษาสูง ลดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
1. เทคนิคตัวยามุ่งเป้า
ตามกลไกอณูชีววิทยาของโรคมะเร็ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับโมเลกุลที่เฉพาะต่อเซลล์มะเร็ง มีความแม่นยำสูง กำหนดเป้าหมายไปที่เซลล์มะเร็งโดยตรง โดยเส้นทางของตัวยาจะผ่านการปิดกั้นทางเดินตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตทางผิวหนัง กำจัดเซลล์มะเร็งได้ตรงจุด ไม่ทำลายเซลล์ปกติ ได้รับผลกระทบน้อย
2. เทคนิคตัวยาตามเวลา
ตามการเปลี่ยนแปลงของนาฬิกาชีวิตในร่างกาย จะเลือกเฉพาะบริเวณที่เซลล์มะเร็งมีความอ่อนไหวและไวต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ และเป็นเวลาที่เซลล์ปกติในร่างกายนั้นพักผ่อน โดยประยุกต์ใช้ตัวยาผ่านเส้นทางที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ ปล่อยตัวยาไปในตอนที่เวลาของเซลล์มะเร็งนั้นอ่อนไหวและดุร้ายโดยตรง ปริมาณตัวยาน้อยแต่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.เทคนิคตัวยาเฉพาะที่
ป้อนตัวยาไปเฉพาะเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ตัวยาที่มีความเข้มข้นสูงพุ่งตรงไปที่พื้นที่เซลล์มะเร็ง ผลการรักษายิ่งทวีคูณ มีประสิทธิภาพในการขจัดเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลือหรือเซลล์มะเร็งต้นกำเนิดขนาดเล็ก ผลข้างเคียงที่เป็นพิษต่อร่างกายลดลงอย่างมาก ฝังหลอดเล็กๆ ลักษณะคล้ายเทปใต้ผิวหนัง ฝังครั้งเดียว สามารถปล่อยตัวยาได้หลายครั้ง
4.เทคนิคตัวยา 2 ทาง
ปล่อยตัวยาไปยังบริเวณเส้นเลือดและปล่อยความร้อนเข้าไปภายในบริเวณทรวงอก ปล่อยตัวยาเคมีสีเขียวแบบร้อนไปที่ทรวงอก เมื่อเซลล์มะเร็งได้รับความเข้มข้นจากตัวยา ระยะเวลาของประสิทธิภาพค่อนข้างนาน รับประกันในผลการรักษาที่ดี
>>ถ้าเกิดว่าคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็ง โทร0610367888 หรือ 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
ข้อดีของเคมีบำบัดสีเขียว
1. ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรักษา ทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งเล็กลง
2.ควบคุมการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของก้อนเนื้อ ยืดอายุการใช้ชีวิต
3.บรรเทาอาการของโรค พัฒนาคุณภาพชีวิต
แนวทางเคมีบำบัดสีเขียว
ใช้เดี่ยวหรือผสมกับตัวยาอื่น : ตัวยาเคมีสีเขียวสามารถใช้ได้เดี่ยวๆ บ่อยครั้งก็ยังใช้กับตัวยาตัวอื่นเพื่อเสริมให้ได้ผลการรักษาที่ดี เมื่อใช้กับตัวยาตัวอื่นสามารถขจัดเซลล์มะเร็งได้มากขึ้น ทั้งยังมีประสิทธิภาพลดอาการดื้อยาที่อาจเกิดได้กับตัวยาบางชนิดของผู้ป่วยอีกด้วย
แนวทางปฏิบัติ : สามารถทาน หรือใช้ภายนอกได้ หรือฉีด (ฉีดผ่านหลอดเลือดดำ, ฉีดผ่านกล้ามเนื้อ, ฉีดผ่านผิวหนัง, ฉีดผ่านหลอดเลือดแดง, ฉีดผ่านเยื่อหุ้มปอด, ฉีดผ่านเยื่อหุ้มช่องท้อง, ฉีดเพื่อยับยั้ง)