ไมโครสเฟียร์ที่บรรจุยา
- 0
- 2023-09-12
ชนิดของการรักษา: หลังจากไมโครสเฟียร์เข้าไปยังหลอดเลือดของเนื้องอกแล้ว จะทำการอุดหลอดเลือด และปล่อยตัวยาต้านมะเร็งไปที่เนื้องอก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและแก้ปัญหาจากการรักษาด้วยวิธีคีโมแบบดั้งเดิม
ข้อดีทางเทคนิค: หลังจากไมโครสเฟียร์เข้าไปยังหลอดเลือดของเนื้องอกแล้ว จะทำการอุดหลอดเลือด และปล่อยตัวยาต้านมะเร็งไปที่เนื้องอก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและแก้ปัญหาจากการรักษาด้วยวิธีคีโมแบบดั้งเดิม
การคีโมเฉพาะจุด
การคีโมเฉพาะจุดเป็นเทคนิคการรักษามะเร็งแบบบาดแผลเล็ก โดยอาศัยไมโครสเฟียร์ที่มีลักษณะเป็นทรงกลมเล็กๆ ทำจากวัสดุโพลิเมอร์หรือเซรามิก ภายในจะบรรจุยาต้านมะเร็ง มีหน้าที่ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้องอกแข็งตัว และปล่อยยาเพื่อใช้รักษาเฉพาะที่ เป็นการยกระดับการรักษาคีโมแบบเดิม และปัจจุบันเป็นเทคนิคการรักษาที่ทันสมัยที่สุดในการรักษาระดับนานาชาติ
การคีโมเฉพาะจุดด้วยไมโครสเฟียร์มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 50 ถึง 1200 ไมโครเมตร
มีความนิ่มและเปลี่ยนรูปได้ สามารถปรับทรงได้หลายขนาด และสามารถเข้าไปอุดหลอดเลือดของ
เนื้องอกได้ เป็นสารที่มีประจุลบ และมีคุณสมบัติเป็นสารแขวนลอย สามารถดูดซับและนำพายาเคมีบำบัดได้ สามารถปล่อยยาที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปในเนื้องอกได้เป็นเวลานาน หลังจากไมโครสเฟียร์เข้าไปยังหลอดเลือดของเนื้องอกแล้ว จะทำการอุดหลอดเลือด และปล่อยตัวยาต้านมะเร็งไปที่เนื้องอก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและแก้ปัญหาจากการรักษาด้วยวิธีคีโมแบบดั้งเดิม
การบำบัดด้วยวิธีคีโมเฉพาะจุด ด้วยเทคนิคและวัสดุที่ใช้ในการรักษาต่างกัน จึงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ Conventional TACE (C-TACE) และ Drug-Eluting Bead TACE (DEB-TACE) การคีโมเฉพาะจุด เป็นการบรรจุยาเข้าไปในไมโครสเฟียร์แล้วสอดเข้าไปในหลอดเลือดของเนื้องอก โดยการนำทางของเครื่องเอกซเรย์ที่ฉายภาพเคลื่อนไหวของอวัยวะ ไมโครสเฟียร์มีความจำเพาะเท่ากับเลือด สามารถไหลลอยตามมากับเลือด และทำการอุดหลอดเลือดของเนื้องอกได้เลย หลังจากอุดหลอดเลือดเสร็จสิ้น ตัวยาที่ดูดซับอยู่บนไมโครสเฟียร์จะทำปฏิกิริยากับโซเดียมไอออนในร่างกาย และค่อยๆปล่อยเคมีจากภายในเนื้องอกออกมาอย่างช้าๆ
ด้วยการรักษาวิธีนี้ ไมโครสเฟียร์จะทำการปิดกั้นหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็งจากนั้นจะค่อยๆปล่อยยาผ่านกระบวนการไหลซึม การย่อยสลายและกระบวนการทางเคมีอื่นๆ เปรียบเสมือนการทำให้เซลล์มะเร็งอดอาหารตาย เป็นการ "ฆ่า" เซลล์มะเร็งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการลดผลข้างเคียงของยาต้านมะเร็งที่มีต่อผู้ป่วย แต่ยังช่วยยืดอายุให้ผู้ป่วยได้อีกด้วย
>>ถ้าเกิดว่าคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็ง คลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
จุดเด่นของการรักษาด้วยวิธีคีโมเฉพาะจุด
1.ไมโครสเฟียร์นมีพื้นผิวเรียบ ขนาดสม่ำเสมอ เป็นทรงกลมที่สมบูรณ์แบบ ประจุลบและมีคุณสมบัติเป็นสารแขวนลอย
2. มีโครงสร้างที่ทำงานเข้ากับหลอดเลือดได้ดี ง่ายต่อการรักษาเฉพาะจุด และสามารถอุดหลอดเลือดได้อย่างแม่นยำ
3.บรรจุยาได้หลากหลายชนิด
4.สารอุดหลอดเลือดและยาเคมีบำบัดมีความเข้ากัน
5.บรรจุยาได้อย่างรวดเร็วและสามารถปล่อยยาได้นาน
6.ยาจะเข้มข้นแค่บริเวณเนื้องอก บริเวณรอบๆมีความเข้มข้นต่ำ สามารถลดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้
จุดเด่นการคีโมเฉพาะจุด
1. มีการทำงานสองอย่าง "การอุดหลอดเลือดแดงของเนื้องอก + การปล่อยยาต้านมะเร็ง"
2. การอุดตันหลอดเลือดอย่างถาวร สามารถปิดกั้นหลอดเลือดเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ หลีกเลี่ยงปัญหา "อุดผิดหลอดเลือด หรือปล่อยสารอุดตันผิดจุด
3. บรรจุยาได้อย่างรวดเร็ว สามารถปล่อยยาได้นานกว่าหนึ่งเดือน
4. เมื่อเปรียบเทียบกับการให้เคมีทางหลอดเลือดดำและการรักษาแบบดั้งเดิม มีผลข้างเคียงน้อยกว่า เจ็บปวดน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า
ข้อดีของการคีโมเฉพาะจุด
1.มีความปลอดภัยสูง และความเจ็บปวดน้อย
2.ง่ายต่อการให้ยาเฉพาะจุด สามารถอุดหลอดเลือดที่ต้องการได้อย่างสมบูรณ์ หลีกเลี่ยงการอุดผิดหลอดเลือด หรือปล่อยสารอุดตันผิดจุด
3.สามารถอุดหลอดเลือดที่อยู่บริเวณลึกได้
4.มีระยะเวลาการปล่อยยาที่นาน ตัวยาสามารถอยู่ภายในเนื้องอกได้นานกว่าหนึ่งเดือน
5.การปล่อยยาช้า ตัวยาจะเข้มข้นที่บริเวณเนื้องอก บริเวณใกล้เคียงมีความเข้มข้นต่ำ สามารถลดการเกิดผลข้างเคียงได้
6.สามารถเป็นทางเลือกในการรักษามะเร็งระยะลุกลามได้
การคีโมเฉพาะจุดแบบ(DEB-TACE) VS การคีโมแบบดั้งเดิม(c-TACE)
รายการเปรียบเทียบ | การคีโมเฉพาะจุดแบบ (DEB-TACE) | การคีโมแบบดั้งเดิม (c-TACE) |
วิธีการให้ยา | ฉีดเข้าไปที่หลอดเลือดทีเดียว | ค่อยๆฉีดเข้าไปยังหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง |
วิธีการรักษา | บรรจุยาในไมโครสเฟียร์ก่อน จากนั้นไมโครสเฟียร์จะค่อยๆปล่อยยาภายในร่างกาย | ปล่อยยาไปที่เนื้องอกโดยตรงเลย |
วิธีการปล่อยยา | ปล่อยยาได้อย่างต่อเนื่อง | ปล่อยยาอย่างรวดเร็ว |
สารอุดหลอดเลือด | เป็นอนุภาคเล็กๆที่มีหลายขนาด (50—1200μm) | ใช้เคมีiodized oil fluid injection |
ประสิทธิภาพการอุดหลอดเลือด | มีความถาวร ตัวยาไม่มีการดูดซึมและเผาผลาญ สามารถอุดหลอดเลือดได้อย่างต่อเนื่อง | ไม่ถาวร สารอุดตันเส้นเลือดแบบดั้งเดิมจะอยู่ภายในร่างกาย 18 เดือนหลังจากนั้นตัวยาก็จะหมดฤทธิ์ |
ผลข้างเคียง | มีอาการเจ็บปวด คลื่นไส้เล็กน้อยหลังการรักษา | อาจจะเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยจากยาต้านมะเร็ง |
ความต่อเนื่องของฤทธิ์ยา | มีระยะเวลาในการอุดหลอดเลือดนานกว่า 1 เดือน ตัวยาออกฤทธิ์ได้นาน | หลังจากอุดหลอดเลือด ตัวสารเคมีจะถูกขับออกทางตับ ฤทธิ์ยาค่อนข้างสั้น |
ผู้ที่เหมาะแก่การรักษาด้วยการคีโมเฉพาะจุด:
1.ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดหรือเคมีบำบัดได้
2.ผู้ป่วยที่ต้องการยื้อชีวิต
3.ผู้ที่ไม่สามารถให้เคมีบำบัดทั่วร่างกายได้
โรคที่เหมาะกับการรักษาวิธีคีโมเฉพาะจุด:
ส่วนใหญ่ใช้รักษาในผู้ที่เนื้องอกมีลักษณะเป็นก้อน เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งโพรงหลังจมูก มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร
>>ถ้าเกิดว่าคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็ง คลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาแบบดั้งเดิม การรักษาด้วยวิธีคีโมบำบัดจะเหมาะสมกับผู้ป่วยที่มีภาวะต่อไปนี้:
1.ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะลุกลาม ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ลุกลามไปบริเวณตับเมื่อทำการรักษาด้วยวิธีคีโมเฉพาะจุดจะได้ผลดีมาก
2.ผู้ป่วยมะเร็งตับปฐมภูมิที่มีการทำงานของตับChild-Pugh class AหรือB, ECOGคะแนน0-2 และมีการตอบสนองต่อยาต้านมะเร็งไม่ดี
3.ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะกลางและระยะลุกลามที่เนื้องอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า8 ซม.
4.ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้