ภูมิคุ้มกันบําบัด
- 0
- 2024-01-12
ชนิดของการรักษา: ปรับระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถกำจัดหรือควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษามะเร็งได้หลายประเภท ประสิทธิภาพยาวนาน และมีผลข้างเคียงตํ่า
ข้อดีทางเทคนิค: ปรับระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถกำจัดหรือควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษามะเร็งได้หลายประเภท ประสิทธิภาพยาวนาน และมีผลข้างเคียงตํ่า
1.การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในปัจจุบัน: 63% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียชีวิตเนื่องจากวิธีการรักษาผิดๆ
โรคมะเร็งเป็นโรคที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ตามสถิติทางการแพทย์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งจะเพิ่มขึ้นทุกๆ 4 วินาทีทั่วโลก ในทุกๆปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากถึง 8.2 ล้านคน คาดว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจะเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในปี 2573
อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งไม่ได้หมายถึงการเสียชีวิต ตามสถิติแล้ว ผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียชีวิตจากการรักษาผิดวิธีถึงประมาณ 63% แม้ว่าการผ่าตัด การฉายรังสี และการให้เคมีบำบัดจะเป็นการรักษาเซลล์มะเร็งก็จริงแต่จะมีผลกระทบต่อเซลล์ปกติในร่างกายด้วย
2. สาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง (หมายเหตุ: ข้อมูลเรียบเรียงจากบทความแปลเกี่ยวกับเนื้องอก)
การบำบัดที่ผิดวิธี การรักษาทางการแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญ ความล่าช้าในการเข้ารักษา การละทิ้งการรักษาเนื่องจากมีเงินรักษาไม่เพียงพอ
3. เหตุใดจึงต้องใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันรักษามะเร็ง
การรักษามะเร็งแบบดั้งเดิม (การผ่าตัด การฉายรังสี เคมีบำบัด) เป็นเพียงการกำจัดเซลล์มะเร็งที่มองเห็นเท่านั้น แต่ไม่ได้รักษาที่สาเหตุการกลายพันธุ์เป็นมะเร็ง นอกจากนี้วิธีการรักษาแบบดั้งเดิม ไม่เพียงแค่ฆ่าเซลล์มะเร็งเท่านั้น
แต่ยังสร้างความเสียหายต่อร่างกายผู้ป่วยอีกด้วย การรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพคือ การฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ให้สามารถกำจัดหรือควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 2011 ศาสตราจารย์ราล์ฟ สไตน์แมนร่วมกับนักวิทยาศาสตร์สาขาภูมิคุ้มกันอีกสองท่านได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์สำหรับการค้นพบเซลล์เดนไดรต์ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีผู้ป่วยมะเร็งหลายหมื่นคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหวังมากขึ้นหลังจากได้รับการภูมิคุ้มกันบำบัด
4. มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ร่างกายมนุษย์ผลิตเซลล์มะเร็งได้ 6,000-10,000 เซลล์ทุกวัน เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถกลืนกินเซลล์เหล่านี้ได้และทำให้ร่างกายแข็งแรง ในกรณีที่ภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถ
กําจัดเซลล์มะเร็ง เซลล์มะเร็งจะรวมตัวกันโจมตีเซลล์ในร่างกาย และกลายเป็นโรคมะเร็งในที่สุด
5. การเกิดมะเร็งแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
(1)ระบบภูมิคุ้มกันสามารถตรวจพบและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้สามารถทำลายเซลล์ที่กำลังจะกลายเป็นมะเร็งได้;
(2)ระบบภูมิคุ้มกันสามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งได้บางส่วน แต่เซลล์มะเร็งอื่นๆที่ไม่ถูกตรวจจับเล็ดรอดไปได้ เซลล์ทั้งสองประเภทนี้จะสร้างความสมดุลให้กับระบบภูมิคุ้มกัน
(3)เซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่หลบหนีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมะเร็ง เมื่อถึงจุดนี้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
6. เซลล์ภูมิคุ้มกันรักษามะเร็งได้อย่างไร
ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการรักษาจากต้นตอ โดยการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และหยุดยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
เซลล์ภูมิคุ้มกันจะทำลายเนื้อเยื่อของเนื้องอกอย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอก เปลี่ยนแปลงสภาพของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยการขัดขวางสารอาหาร ลดการทำงานของเซลล์มะเร็ง ชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งจนตายลงในที่สุด
7.ข้อดีของการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันมีอะไรบ้าง?
(1)เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะของระบบภูมิคุ้มกัน การภูมิคุ้มกันบำบัดมีศักยภาพในการต่อสู้กับเนื้องอกมากกว่าการรักษาแบบทั่วไป สามารถปกป้องร่างกายในระยะยาวได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีผลข้างเคียงที่ชัดเจน
(2)การทำลายมะเร็งอย่างเป็นระบบ
(3)ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแยกแยะเซลล์มะเร็งได้
(4)วิธีนี้เหมาะกับมะเร็งหลายชนิด
8.การบำบัดด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกัน VS การรักษาแบบดั้งเดิม
การรักษา | ผลข้างเคียง | ช่วงระยะเวลารักษา | |
การรักษาแบบดั้งเดิม |
| ส่งผลต่อเซลล์ปกติ ภูมิคุ้มกันลดลงและผลข้างเคียงอื่นๆ อีกมากมาย | รักษาต่อเนื่อง |
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด |
| ผลข้างเคียงน้อย | ทำเมื่อเริ่มต้นการรักษา หรือสิ้นสุดการรักษา |
9. การภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถรักษา
(1) เตรียมความพร้อมร่างกายก่อนการผ่าตัด: เพิ่มอัตราความสำเร็จของการผ่าตัด
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มแรก การบำบัดด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกัน หลีกเลี่ยงภาวะภูมิคุ้มกันต่ำลงจากการผ่าตัด และเพิ่มอัตราความสำเร็จของการผ่าตัด
(2) การรักษาแบบผสมผสาน: การรักษาแบบครอบคลุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม ภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถใช้ร่วมกับการฉายแสง เคมีบำบัด มีดอาร์กอนฮีเลียม การฝังแร่ การคีโมเฉพาะจุด และวิธีการอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
(3) หลังการผ่าตัด: กำจัดสิ่งตกค้างและลดการกลับมาเป็นซ้ำ
สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการฉายแสง เคมีบำบัด หรือการภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถฟื้นฟูและเสริมสร้างหน้าที่การทำงานของภูมิคุ้มกัน กำจัดเซลล์มะเร็งที่ตกค้างในร่างกาย ลดการเกิดซ้ำของเนื้องอกและการแพร่กระจาย และเพิ่มอัตราความสำเร็จในการรักษา
(4) ภูมิคุ้มกันบำบัดอย่างเดียว : ป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้
สำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งหรือผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง การภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นประจำสามารถตรวจจับ และฆ่าเซลล์ที่ผิดปกติ กลืนกินไวรัส และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาใหม่จนสามารถป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้
10. โรคที่เหมาะกับการรักษาวิธีนี้
มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งโพรงจมูก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และเนื้องอกชนิดแข็งอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการรักษาข้างต้นในการรักษา ยืดอายุการใช้ชีวิต การยกระดับคุณภาพชีวิต และยับยั้งการลุกลามของเนื้องอก