วิธีรักษามะเร็งปากมดลูก
- 0
- 2024-11-26
มะเร็งเต้านมระยะที่ 3 อันตรายไหม?
มะเร็งปากมดลูก โรคที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ข้อมูลล่าสุดจากสถาบันโรคมะเร็ง ระบุว่าในแต่ละปี ผู้หญิงอายุ 30 – 60 ปี จะมีผู้ป่วยรายใหม่ 10,000 คนและมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,200 คน หรือ 50% ของผู้ป่วยเลยทีเดียว
1.ความเสี่ยงจากการรักษามะเร็งปากมดลูกแบบดั้งเดิม
การสูญเสียความสามารถในการมีบุตร
การรักษามะเร็งปากมดลูก (เช่น การตัดมดลูก การฉายรังสี หรือการใช้เคมีบำบัด) อาจทำให้ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์สูญเสียความสามารถในการมีบุตร โดยเฉพาะการตัดมดลูกทั้งหมดที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เป็นการสูญเสียที่หนักหนาสำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร
การสูญเสียศักดิ์ศรีของผู้หญิง
การรักษามะเร็งปากมดลูกไม่เพียงแต่กระทบต่อการทำงานของร่างกาย แต่ยังอาจส่งผลต่อความรู้สึกและจิตใจของผู้ป่วย เช่น ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ การเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงรู้สึกอับอาย ไม่มั่นใจ หรือสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ความรู้สึกเหล่านี้อาจอยู่กับผู้ป่วยไปนาน
ไม่รู้วิธีการรักษาที่เหมาะกับคุณใช่หรือไม่? เพียงกดส่งข้อมูลเพื่อปรึกษาทางออนไลน์ ก็จะได้รับคำแนะนำในการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ
2.ข้อดีของการรักษามะเร็งปากมดลูกด้วยเทคนิคแบบบาดแผลเล็กในการรักษา
บาดแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
เทคนิคแบบบาดแผลเล็ก(เช่น การทำเคมีบำบัดแบบเฉพาะจุด การทำความเย็น หรือการฝังแร่) มีบาดแผลที่เล็กกว่าการผ่าตัด ช่วยลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น
รักษาการทำงานของอวัยวะ
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการมีบุตร การรักษาด้วยเทคนิคแบบบาดแผลเล็กช่วยให้ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์สามารถรักษาความสามารถในการมีบุตรไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ยังคงประสิทธิภาพในการรักษาได้ดี
เลือดออกน้อย ภาวะแทรกซ้อนน้อย
การผ่าตัดแบบบาดแผลเล็กเป็นการทำลายมะเร็งแบบแม่นยำ สูญเสียเลือดน้อยลง และยังช่วยลดการทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน (เช่น การติดเชื้อ ฯลฯ) น้อยลง
ทัศนวิสัยในการผ่าตัดชัดเจน
การใช้เทคโนโลยีภาพความละเอียดสูงในการผ่าตัดแบบบาดแผลเล็กช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นจุดที่ต้องการผ่าตัดได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ ทำให้ลดความเสี่ยงจากการทำลายเนื้อเยื่อที่ไม่เกี่ยวข้อง
ผลการรักษาทางภาพลักษณ์ความงาม
การผ่าตัดแบบบาดแผลเล็กก่อให้เกิดแผลขนาดเล็ก และแผลเป็นหลังการผ่าตัดเล็กลง ทำให้ผู้ป่วยพึงพอใจในรูปลักษณ์และช่วยในการฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ดีขึ้น
ระยะเวลาในการพักฟื้นสั้น
การผ่าตัดแบบบาดแผลเล็กช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ป่วย แต่ยังเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
>>ถ้าเกิดว่าคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็ง คลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
3.มะเร็งเต้านมระยะที่ 3 อันตรายไหม? มาร่วมฟังเรื่องราวของเธอกัน
เรื่องราวของผู้ป่วยที่ประสบความสําเร็จในการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3
กลับมาเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3B การคีโมเฉพาะจุด มุ่งโจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรง
หลังการให้เคมีบำบัดและการฉายรังสีมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3B เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังช่องท้อง
ฉันเริ่มมีเลือดออกทางช่องคลอด ในปี 2565 รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ สามีฉันจึงพาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลในท้องที่ และผลตรวจก็พบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะ 3B
ฉันได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดที่แสนทรมานกว่า 30 ครั้งในโรงพยาบาลท้องที่ แพทย์แจ้งว่าก้อนมะเร็งได้ "หายไปแล้ว" ตอนนั้นฉันรู้สึกโชคดีที่สามารถกลับมามีชีวิตสุขสงบดังเดิมได้ ต่อมาในเดือนธันวาคม 2566 แพทย์แจ้งว่ากลับมาเป็นมะเร็งซ้ำและแพร่กระจายไปยังช่องท้องแล้ว
การให้คำปรึกษาแบบสหสาขาวิชาชีพของ MDT "แบบเฉพาะรายบุคคล" เพื่อสร้างแผนการวินิจฉัยและการรักษาเฉพาะบุคคล เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ฉันและครอบครัวมาโรงพยาบาลด้วยความหวัง ทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ MDT ได้พัฒนาแผนการรักษาเฉพาะรายบุคคลให้แก่ฉันโดยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของฉัน: การคีโมเฉพาะจุด ธรรมชาติบำบัด และการให้ยามุ่งเป้าแบบผสมผสานแพทย์แผนจีนและตะวันตก การคีโมเฉพาะจุดนั้นน่าทึ่งมาก ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เพียงใช้เข็มทำลายก้อนมะเร็งอย่างแม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ การผสมผสานยามุ่งเป้าแพทย์แผนจีนและตะวันตก ร่วมกับธรรมชาติบำบัดช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของฉันดีขึ้น ควบคุมและป้องกันการกลับเป็นซ้ำ และปรับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
>>ถ้าเกิดว่าคุณอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็ง โทร0610367888 หรือ 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
4.วิธีการรักษามะเร็งปากมดลูก
·ไมโครสเฟียร์ที่บรรจุยา: ไมโครสเฟียร์ที่บรรจุยาจะอุดตันหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง จากนั้นจะค่อย ๆ ปล่อยยาเคมีบำบัด สลายก้อนมะเร็ง หรือกระตุ้นการตอบสนอง ในขณะเดียวกันก็ตัดสารอาหารที่หล่อเลี้ยงมะเร็งและทำลายเซลล์มะเร็ง
·มีดคังโป:การสอดเข็มขนาดเล็ก(ประมาณ 2 มม.) ผ่านผิวหนังเข้าไปยังเนื้องอก แล้วปล่อยความเย็นและร้อน การแช่แข็งด้วยความเย็นจัด (อุณหภูมิต่ำสุดที่ -196℃) และการระเหยด้วยความร้อนจัด(อุณหภูมิสูงสุด 80 ℃) เร่งให้เนื้องอกขาดเลือดจนตายไปในที่สุด
·มีดนาโน:การใช้ไฟฟ้ากระแสตรงแรงดันสูง 1,500 ถึง 3,000 โวลต์เจาะเยื่อหุ้มเซลล์มะเร็งจนเป็นรู ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อตาย โดยไม่ทำลายโปรตีนและ DNA และขอบเขตของการระเหยก็ชัดเจน
·การฝังแร่ แผลเล็กระดับมิลลิเมตร จะปล่อยรังสีทำลายเนื้องอกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 180 วัน และภาวะแทรกซ้อนเล็กน้อย
·การรักษาด้วยความเย็น:บาดแผลเล็ก กำจัดมะเร็งได้ตรงจุด สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติและป้องกันการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำได้
·คลื่นไมโครเวฟ:แผลเล็กเท่ารูเข็มขนาด 3 มม. ปล่อยความร้อนสูงและระยะเวลาการรักษาสั้น สามารถกำจัดเนื้องอกขนาด 6 ซม. ได้ภายใน 10 นาที ไม่มีผลข้างเคียง อัตราการกลับมาเป็นซ้ำต่ำ สามารถรักษามะเร็งได้หลายชนิด