1. เทคโนโลยีบาดแผลเล็ก: ปากแผลเพียง 2-3 มม. ผลข้างเคียงน้อย และความเจ็บปวดน้อย
2. การคีโมเฉพาะจุด: ปากแผลเพียง 1-2 มิลลิเมตร ยาต้านมะเร็งจะมุ่งตรงไปยังเนื้องอก ความเข้มข้นของยาจะสูงกว่าการให้คีโมแบบทั่วไป 2-8 เท่า มีผลข้างเคียงน้อยและสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ
3. ความเย็นบำบัด: บาดแผลเล็ก กำจัดเนื้องอกได้ตรงจุด กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดความเสียหายของเนื้อเยื่อปกติ และสามารถป้องกันการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งได้
4. การฝังแร่: บาดแผลเล็กระดับไมโครมิลลิเมตร แร่จะแผ่รังสีอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอภายในเนื้องอกเป็นเวลา 180 วัน สามารถทำลายเนื้องอกได้อย่างแม่นยำ ภาวะแทรกซ้อนน้อย
5. การรักษาด้วยไมโครเวฟ:  แผลเล็กเท่ารูเข็ม 3 มม. ปล่อยความร้อนได้สูง เวลาการรักษาสั้น สามารถทำลายเนื้องอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ซม. ได้ภายใน 10 นาที มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง อัตราการกลับมาเป็นซ้ำต่ำ ใช้รักษามะเร็งได้หลายชนิด
6. การแพทย์แผนจีนผสมผสานกับตะวันตก: สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดผลข้างเคียง ลดภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวได้เร็ว ยืดอายุให้ยาวนานขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888  0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์

1. อาการตามร่างกาย : ก่อนพบว่าต่อมน้ำเหลืองโตหรือขณะที่ต่อมน้ำเหลืองโตนั้นอาจมีอาการเป็นไข้ คันตามผิวหนัง เหงื่อออกขณะนอนหลับ รวมถึงผอมแห้ง น้ำหนักลด เป็นต้น หากไม่ทราบสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการข้างต้น สามารถตรวจเลือดเพื่อตรวจดูต่อมน้ำเหลืองได้
2. ต่อมน้ำเหลืองบวมโต : เป็นอาการทั่วไปที่เห็นได้ชัดที่สุดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณก้อนเนื้อ แต่ก้อนเนื้อจะค่อยๆ บวมโตขึ้น ผิวเรียบ เมื่อคลำจะรู้สึกเหมือนลูกปิงปอง ส่วนมากต่อมน้ำเหลืองจะบวมตรงบริเวณลำคอและกระดูกไหปลาร้า เมื่อพบว่าต่อมน้ำเหลืองบวมโต สามารถทำการตรวจเนื้อเยื่อได้ ซึ่งโดยปกติจะตรวจต่อมน้ำเหลืองบริเวณใต้ลำคอหรือบริเวณรักแร้
3. รอยโรคที่ผิวหนัง : ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะมีรอยโรคปรากฏที่ผิวหนังมากมาย เช่น มีจุดแดงเป็นจ้ำๆ ตุ่มพอง แผลเปื่อย เป็นต้น ในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผิวหนังที่ติดเชื้อมักจะเน่าเปื่อย มีของเหลวไหลซึมออกมา

>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888  0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์

1. การตรวจอัลตราซาวด์ : การตรวจอัลตราซาวด์สามารถแสดงให้เห็นต่อมน้ำเหลืองที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 2 เซนติเมตร
2. การตรวจ CT MRI : สามารถแสดงให้เห็นรอยโรคต่อมน้ำเหลืองภายในทรวงอก หลังเยื่อบุช่องท้องและเยื่อ mesentery รวมถึงรอยโรคที่ตับและม้าม 
การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งทางพยาธิวิทยา

1. การตรวจต่อมน้ำเหลืองทางพยาธิวิทยา 
2. การตรวจเลือด 
3. การตรวจไขกระดูกทางพยาธิวิทยา 
4. การตรวจชิ้นเนื้อ
5. การตรวจเนื้อเยื่อทางพยาธิวิทยา 

6. การส่องกล้องตรวจช่องอก ( mediastinoscopy ) 

>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 1 : เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองเหลืองเพียงต่อมเดียว(I)หรือมีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงเพียงจุดเดียว(ⅠE)
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 2 : เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลือง 2 จุดขึ้นไปหรือมากกว่านั้น(Ⅱ)หรือมีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงเพียงจุดเดียวหรือเกิดขึ้นบริเวณเหนือกระบังลม(ⅡE
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 3 : เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลือง 2 จุดขึ้นไป(Ⅲ)หรือมีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงเพียงจุดเดียว(ⅢE) หรือกระจายอยู่ทั้งร่างกายส่วนบนกระบังลมและส่วนใต้กระบังลม(ⅢSE)
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4 : เซลล์มะเร็งลุกลามสู่อวัยวะอื่นภายนอกระบบน้ำเหลือง
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะลุกลาม : การลุกลามของมะเร็งหลังการรักษาสามารถพบได้ในบริเวณต่อมน้ำเหลืองหรือในส่วนอื่นๆของร่างกาย

>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888  0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์