อาหารมื้อใหญ่...แทนคำขอบคุณจากใจผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชาวไทย
เดือนพฤษภาคมถือได้ว่าเป็นเดือนแห่งความชุ่มฉ่ำของเมืองกว่างโจว หลังจากฝนหยุดแล้วเมืองนี้จะถูกหมอกไอเย็นปกคลุม แต่ทว่าภายในแผนกผู้ป่วยภายในชั้นห้ารพ.มะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแสตมฟอร์ด กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรักจากใจผู้ป่วย ในวันที่ถึงกำหนดออกจากรพ.ผู้ป่วยหญิงสาวชาวไทยรายหนึ่งได้ลงมือทำอาหารมื้อสำคัญด้วยตนเองเพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและการดูแลอย่างดีของคุณหมอและพยาบาลของรพ.มะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแสตมฟอร์ด โดยเธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอรักทุกคนที่นี่
ปีนี้คุณอนามิดาเธอมีอายุครบ35ปีแล้ว เธอเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงขี้อายเล็กน้อยและมักมีร้อยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้าเสมอ หากได้รู้จักเธอจะรู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนที่ใจดีและน่ารัก แต่ทว่าหญิงสาวที่จิตใจดีและบริสุทธิ์ผู้นี้กลับต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เธอกำลังจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดที่สุดในโลก เมื่อมะเร็งได้ย่างกรายเข้ามาในชีวิตของเธอ นอกจากต้องทุกข์ใจจากโรคมะเร็งแล้วเธอยังถูกแฟนที่คบกันมาถึงสี่ปีทอดทิ้ง นับจากนั้นเธอต้องการที่จะอยู่เพียงลำพังไม่พบเจอผู้คน ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ บางครั้งมันทำให้เธอเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
ปี2013 เป็นปีที่แปดแล้วสำหรับการทำงานบนเรือในสหรัฐอเมริกาของคุณอนามิดา นับจากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้คุณอนามิดารู้สึกคุ้นชินกับสภาพบรรยากาศและทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่นแล้ว และสิ่งที่ทำให้เธออยากอยู่ที่นั่นต่อไปคือคนรัก เธอได้รู้จักกับผู้ชายไทยคนหนึ่งซึ่งทำงานบนเรือเช่นเดียวกับเธอ เขาคนนั้นได้เข้ามาเติมเต็มชีวิตเธอทำให้ทุกๆวันในการทำงานของเธอช่างมีความหมายและมีความสุขในทุกๆวัน สิ่งเหล่านี้คงจะสามารถอธิบายได้ดีถึงความสุขของเธอในวัย33ปีที่มีให้แก่ครอบครัวและตัวเธอเอง แต่เพียงไม่นานแสงอันสดใสในชีวิตของเธอกำลังจะดับลง...
ในปี2013 คุณอนามิดาถูกวินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านมด้านซ้าย เธอจำต้องลาออกจากงานที่รักเพื่อกลับมาพักฟื้นสภาพร่างกายที่ประเทศไทย การทำคีโมและฉายแสงแบบทั่วไปทำให้เธอได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ผมร่วง อาเจียน ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง นอนไม่หลับทุกคืน เธอแทบมองไม่เห็นหนทางใดๆทั้งสิ้น เธอได้แต่นั่งเศร้าและมักถามกับตัวเองเสมอว่าทำไมเธอถึงโชคร้ายขนาดนี้
พายุร้ายที่พัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของเธอดูเหมือนจะไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ ต่อมาในขณะที่เธอค้นพบว่าเป็นมะเร็งมาได้แปดเดือน แฟนหนุ่มของเธอก็ได้ทอดทิ้งเธอไป เขาได้ละทิ้งสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ ในตอนนั้นเธอหมดหวังและท้อแท้จากทั้งที่ตนเองต้องเป็นมะเร็งและยังถูกทอดทิ้งจากคนรัก เธอมีความคิดในแง่ลบมากขึ้น เธอมักขังตัวเองอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ใช้น้ำตาเพื่อลบความเจ็บปวด ความรักมันไม่มีจริงสำหรับเธออีกต่อไป เธอคิดที่จะฆ่าตัวตายแต่โชคยังดีที่พี่สาวของเธอเข้ามาพบได้ทันเวลาและห้ามเธอไว้ได้ทัน
เพื่อให้น้องสาวกลับมาเป็นน้องสาวคนเดิมโดยเร็ว พี่สาวของเธอยอมวางงานทุกอย่างลงและเข้ามาคอยดูแลปลอบใจเธอด้วยตัวเอง นอกจากเรื่องการทำอาหารและซักผ้าแล้วพี่สาวเธอยังพาเธอออกไปท่องเที่ยวเพื่อให้เธอสบายใจ เพียงไม่นานจิตใจของเธอก็ค่อยๆดีขึ้นและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ เมื่อสภาพจิตใจของเธอดีขึ้นแล้วความโชคดีก็ค่อยๆเข้ามา เพียงไม่นานคุณอนามิดาก็พบความหวังครั้งใหม่ ในช่วงบ่ายแก่ๆวันหนึ่ง คุณหมอพาเธอไปทำการสแกนกระดูก ในตอนนั้นเธอมองผ่านออกมาจากกระจกภายในห้องเธอเห็นรายการโทรทัศน์ในช่องห้ากำลังออกอากาศเรื่องราวการไปอยู่ที่รพ.มะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแสตมฟอร์ด เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องราวที่เธอไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เธอรู้สึกอัศจรรย์อย่างมาก ดังนั้นเธอจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายวีดีโอไว้ วันต่อมาเธอได้ติดต่อมาที่สำนักงานในกรุงเทพและทำให้เธอตัดสินใจมายังรพ.มะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวแสตมฟอร์ด ในวันที่13 เมษายน
และดูเหมือนว่าคุณอนามิดาจะตัดสินใจถูกแล้ว แม้ว่าเธอจะต้องไปเยือนต่างแดนแต่เธอกลับไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรืออ้างว้างแม้แต่นิดเดียว แถมยังทำให้เธอลืมความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งและจากคนรักที่ทิ้งเธอได้ คุณหมอ พยาบาล ล่ามรวมถึงคนทำความสะอาดห้องพัก ทุกคนต่างให้ความอบอุ่นและความสนิทสนมกับเธอมาก เหมือนเป็นอีกครอบครัวหนึ่งของเธอ
สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจอย่างมากอีกสิ่งหนึ่งก็คือ คุณหมอประจำชั้นคุณหมออู่เฉาปัว คุณหมอยอมเสียสละเวลาในการพักผ่อนส่วนตัว จะเห็นได้ชัดว่าในตอนกลางคืนยังคงเห็นคุณหมอใส่ชุดกราวน์เพื่อมาเปลี่ยนยาให้กับเธอ และยังมาแจกยาและเปลี่ยนยาให้ทุกวันวันละหนึ่งครั้ง ก่อนเริ่มขั้นตอนเทคนิคต่างๆ คุณหมอและพยาบาลจะอธิบายถึงแต่ละขั้นตอนให้ฟังทั้งหมดเพื่อให้เธอสบายใจ รวมทั้งเรื่องการทานยาและข้อควรระวังต่างๆรวมถึงขั้นตอนในการผ่าตัดคร่าวๆ
ข่าวดีสำหรับคุณอนามิดาก็คือ 1 เดือนหลังจากใการทำคีโมเฉพาะจุดและการทำความเย็นแล้ว ก็สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว และในเรื่องของสภาพจิตใจ ภาวะทางโภชนาการ รวมไปถึงการนอนหลับที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าร่างกายมีการฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ และตอนนี้ก้อนมะเร็งที่เต้านมซ้ายก็สลายไปเป็นที่เรียบร้อย คุณอนามิดาพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างมากและเธอเองก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง ซึ่งเธอเชื่อว่าถ้าหากให้ความร่วมมือในแผนการที่แพทย์วางไว้ ควบคุมและดูแลการทานอาหาร รวมไปถึงการให้กำลังใจตัวเองด้วยแล้ว สิ่งเหล่านี้จะทำให้อาการของเธอเองดีขึ้นแน่ๆ
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
ระยะเวลา 1 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่ 11เดือน พฤษภาคม คุณอนามิดาก็ได้เวลาที่ต้องออกจากรพ.แล้ว ซึ่งเธอเองรู้สึกอดคิดถึงทีมแพทย์และพยาบาลที่คอยให้ความดูแลเธอไม่ได้ ถึงจะเป็นเวลาเพียงแค่ 1 เดือน แต่บุคคลเหล่านี้กลับกลายเป็นเสมือนบุคคลในครอบครัวของเธอไปแล้ว
เพื่อเป็นการขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลรวมไปถึงบุคลากรของรพ.ที่ ตลอดระยะเวลานั้นๆ เค้าเหล่านั้นได้ดูแลคุณอนามิดาเป็นอย่างดี คุณอนามิดาซึ่งรักในการทำอาหารอยู่แล้ว จึงแสดงฝีมือในการทำอาหารเพื่อเป็นการตอบแทน
ใกล้เวลาจะเลิกงาน อาหารที่คุณอนามิดาทำไว้ก็กำลังเสร็จอุ่นๆจากครัว ยังไม่ทันที่คุณหมอและพยาบาลจะได้ล้างมือ ก็ถูกความหอมกรุ่นของอาหารดึงดูดให้มาล้อมวงที่โต๊ะอาหารซึ่งคุณอนามิดาได้เตรียมอาหารไว้อย่างดี บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุข แววตาของคุณอนามิดาดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ที่ได้ตอบแทนคุณหมอและพยาบาลด้วยอาหารมื้อนี้ ตอนนี้ภายในใจของเธอต่างอบอวลไปด้วยความรักจากทุกคนที่ส่งมาให้เธอ
**หมายเหตุ : ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล