Mayette เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจากฟิลิปปินส์ ในปี 2556 เธอเจอก้อนเนื้อในเต้านมด้านซ้ายของเธอ ต่อมาเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 หลังจากรักษาไปประมาณ 2 ปี อาการของเธอก็ดีขึ้น ในปี 2566 เธอกลับมามีอาการอีก มีแผลปรากฏขึ้นที่เต้านมซ้ายและโตขึ้นเรื่อยๆ ต่อมามีก้อนขนาดใหญ่เกือบ 7 ซม. งอกขึ้นที่เต้านม พอร่างกายเธอทรุดลงเรื่อยๆ เธอและครอบครัวจึงต้องพิจารณาการรักษาอย่างรอบคอบ
เคยเจ็บปวดจากการฉายรังสีและเคมีบำบัด แต่ยืนหยัดเลือกการรักษาแบบบาดแผลเล็ก
ในปี 2556 ครั้งแรกที่เธอเป็นมะเร็ง เธอเข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อและเลาะต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก หลังการผ่าตัด เธอได้รับเคมีบำบัด 6 เดือน และฉายรังสี 2 เดือน เธอกล่าวว่าหลังจากได้รับการรักษาแบบทั่วไป เธอมักจะรู้สึกเหนื่อยล้า มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่สามารถกินอาหารได้เป็นเวลา 12 วันติดจนเธอผอมลงไปเยอะมาก อาจกล่าวได้ว่าผลข้างเคียงของการรักษาแบบทั่วไปทำให้เธอรู้สึกทุกข์ทรมานมาก
เมื่อกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำและอาการค่อยๆแย่ลง พอต้องเข้ารับการรักษาอีกครั้ง เธอกล่าวว่า "ฉันทนความเจ็บปวดจากการรักษาแบบทั่วไปในฟิลิปปินส์ไม่ไหวแล้ว!" ดังนั้นพอเธอรู้ว่าการรักษาของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจวมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่า เธอจึงบอกกับสามีว่า "ฉันมาลองการรักษาแบบบาดแผลเล็กดีกว่า!" เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 Mayette ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกวางโจว พร้อมกับสามีของเธอ
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
การรักษาแบบบาดแผลเล็ก ทำให้มะเร็งเล็กลง 60% ภายใน 3 เดือน
หลังจากที่เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เธอได้รับการตรวจ CT อย่างละเอียด พบว่ามะเร็งที่เต้านมด้านซ้ายลามมาบนผิวหนังและกล้ามเนื้อหน้าอกด้านซ้าย ผลตรวจทางพยาธิวิทยาเผยว่าเป็นมะเร็งเต้านมแบบลุกลามออกนอกท่อน้ำนมขนาด 37*68 มม. ทีมแพทย์ MDT ของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจว ได้ประเมินอาการของเธอและวางแผนการรักษาด้วยการจี้ผ่านคลื่นไมโครเวฟ + การคีโมเฉพาะจุดผ่านหลอดเลือดแดงให้แก่เธอ
เมื่อคำนึงถึงอาการของ Mayette ที่ค่อนข้างหนัก หัวหน้าแพทย์ไต้เหวินเยี่ยน จากศูนย์ป้องกันและรักษามะเร็งเต้านมของโรงพยาบาลเรา จึงทำการจี้ด้วยคลื่นไมโครเวฟให้เธออย่างเร่งด่วน การจี้ด้วยคลื่นไมโครเวฟจะดำเนินการผ่านการนำทางของเครื่องฉายภาพรังสี เข็มปล่อยคลื่นไมโครเวฟจะถูกเจาะเข้าไปยังก้อนมะเร็ง พอคลื่นไมโครเวฟถูกปล่อยออกมา ทำให้โมเลกุลภายในเนื้อเยื่อมะเร็งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนเกิดเป็นความร้อน เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส จะเกิดภาวะ Intracellular Protein Denaturation จนมะเร็งตายลงในที่สุด ขณะเดียวกัน ก็สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
แปดวันต่อมา เธอเข้ารับการคีโมผ่านหลอดเลือดแดง ด้วยการฉีดยาชาเฉพาะจุด ภายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เธอได้รับการจี้ด้วยไมโครเวฟ 1 ครั้ง และการคีโมเฉพาะจุด 6 ครั้ง อาการของเธอดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผล CT ของเธอในเดือนมิถุนายนแสดงให้เห็นว่าก้อนมะเร็งเล็กลงเหลือ 16 มม.*28 มม.
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
12 มีนาคม 2567 19 มิถุนายน 2567
รู้สึกขอบคุณการรักษาแบบบาดแผลเล็ก แทบไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย
การรักษาแบบบาดแผลเล็ก สามารถกำจัดมะเร็งได้อย่างแม่นยำ บาดแผลเล็กและลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติโดยรอบได้ หลังการรักษาเธอสามารถฟื้นตัวได้ดีและชีวิตไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เธอกล่าวว่า ปฏิกิริยาตอบสนองต่อการรักษาเธอตอนนี้ต่างกับการรักษาแบบทั่วไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง เธอไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน กินอาหารได้ดี นอนหลับสบาย หลังการรักษาแต่ละครั้ง นอนพักบนเตียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น ในวันรุ่งขึ้นสามารถดูแลตัวเองโดยไม่ต้องมีคนช่วย ในระหว่างนี้เธอไม่มีไข้และความดันโลหิตก็ปกติดี เธอบอกว่าเธอรู้สึกขอบคุณสำหรับการรักษาแบบแผลเล็กที่เธอได้รับมากๆ
ความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทำให้กระบวนการรักษาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
Mayette กล่าวว่าทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจวมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ พวกเขาดูแลผู้ป่วยทุกวันและติดตามอาการของเธออย่างใกล้ชิด พยาบาลก็ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลต่างชาติสำหรับเธอ แต่บรรยากาศโดยรวมดูอบอุ่นเหมือนบ้าน ก่อนที่จะมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจว เธอและครอบครัวกังวลเรื่องอุปสรรคทางภาษา ในระหว่างการรักษา เธอพบว่าโรงพยาบาลมีล่ามคอยปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการสื่อสารจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
วันเกิดของเธอคือวันที่ 8 พฤษภาคม สำหรับเธอ วันนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ เธอไม่คาดคิดว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะเตรียมดอกไม้และเค้กเพื่อฉลองวันเกิดเธอ เธอกล่าวว่านอกเหนือจากเทคโนโลยีการรักษาแล้ว โรงพยาบาลยังมอบการดูแลเอาใจใส่แก่ผู้ป่วยในช่วงเวลาพิเศษด้วย ซึ่งการที่ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยจึงแน่นแฟ้นอบอุ่นดี
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
Mayette กับหมอจางรุ่ยหยิง
Mayette กับสามี
รักษามะเร็งอย่างเต็มที่ และรับผิดชอบต่อชีวิตตนเอง
ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากเวลาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง มักจะรู้สึกกลัวและสับสน เธอเองก็เช่นกัน แม้ว่ามะเร็งจะทำให้เธอเหนื่อยล้า แต่เธอก็พยายามมองโลกในแง่ดี กระตือรือร้นที่จะเข้าปรึกษาแพทย์และรับการรักษา เธอบอกว่าในฐานะผู้ป่วยโรคมะเร็ง จะต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง ดูแลเรื่องโภชนาการอาหาร ออกกำลังกาย คอยติดต่อกับญาติและเพื่อนฝูงอยู่เสมอเพื่อสร้างกำลังใจ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น สามีของเธอคอยอยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุนเธอเสมอ ในระหว่างการสัมภาษณ์เธอได้แสดงความรักต่อสามีของเธอว่า “ฉันขอขอบคุณคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ ที่คอยสนับสนุน ให้ความรักและกำลังใจฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน ฉันรักคุณ!”
ขอให้ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งเหมือน Mayette สามารถเอาชนะความกลัวได้เหมือนเธอ ต่อสู้กับโรคมะเร็งด้วยการมองโลกในแง่บวก ดูแลโภชนาการ ออกกำลังกาย เก็บเกี่ยวความสุขให้ตนเองจากสิ่งเล็กๆ ในทุกวัน ผนึกกำลังกับแพทย์ แล้วเราจะเอาชนะมะเร็งได้ในที่สุด !