ปฏิเสธการคีโม รักษาด้วยยาจีนเพียงอย่างเดียว
ปรากฏว่าในครึ่งปีต่อมามะเร็งแพร่กระจายไปยังกระดูก
ผมชื่อTHAM YIP SEONG จากประเทศมาเลเซีย อายุ 46 ปี เป็นโค้ชเทควันโดมากประสบการณ์
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 ผมเริ่มมีอาการไอแห้งบ่อย ผมได้รับการตรวจ CT scan ที่โรงพยาบาลในมาเลเซีย ผลปรากฏว่ามีก้อนเนื้อในปอดขวา และการตรวจชิ้นเนื้อแสดงให้เห็นว่าเป็นมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ผมได้เข้ารับการตรวจ PET-CT ตามคำแนะนำของแพทย์ ผลตรวจพบว่าขนาดก้อนมะเร็งที่ปอดขวาของผมคือ 5.8*7.1*6.9 ซม. มีการแพร่กระจายไปยังกะบังลม ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า และ เยื่อหุ้มปอดด้านขวา
ข่าวนี้เปลี่ยนชีวิตอันสงบสุขของผมและทำให้ครอบครัวกังวลมาก ผมเดินทางไปโรงพยาบาลหลายแห่งในมาเลเซียเพื่อหาทางรักษา ขอคำแนะนำในการรักษาจากแพทย์ แต่คำตอบของพวกเขาล้วนเป็นการคีโมทั่วร่างกาย
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
(ช่วงที่ผมอยู่โรงพยาบาล)
ในประเทศมาเลเซีย วิธีการรักษามะเร็งยังคงเป็นวิธีคีโม ฉายแสง และการผ่าตัดแบบทั่วไปเท่านั้น เนื่องจากในครอบครัวของผมเป็นมะเร็งโพรงจมูกกันหลายคน และผมมีเพื่อนที่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง ผมเห็นพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานและร่างกายอ่อนแอลงจากผลข้างเคียงจากการคีโม ถึงในระหว่างการรักษาจะเจ็บปวดมาก แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้อย่างสมบูรณ์ นั่นทำให้ผมรู้สึกกลัวและปฏิเสธการคีโม
คุณหมอบอกว่า “คุณไอหนักเกินไป ต้องกินยาฟื้นฟูเรี่ยวแรงก่อนที่จะรับการรักษาต่อไป” ผมฟังคำแนะนำนี้และทานแต่ยาจีนเพื่อรักษา ขณะเดียวกันก็ออกกำลังกายต่อไป อาการไอก็ทุเลาลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม 6 เดือนต่อมา อาการของผมก็แย่ลง ในเดือนธันวาคม 2566 ผมเริ่มเดินไม่มั่นคงและมีอาการชาฝ่าเท้าและนิ้วเท้า ผลการตรวจร่างกายล่าสุดพบว่ามะเร็งปอดแพร่กระจายเข้าสู่ระยะที่ 4 ลามไปยังกระดูกและไขสันหลังกดทับ
กล้ามเนื้อหดตัว น้ำหนักลด
ยกระดับคุณภาพของชีวิตด้วยการรักษาแบบบาดแผลเล็ก
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 อาการกระดูกสันหลังกดทับของผมแย่ลงเนื่องจากการถูกเซลล์มะเร็งกัดกิน ผมไม่สามารถเดินหรือออกกำลังกายได้ กล้ามเนื้อค่อยๆ หดลง และน้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง 50 กิโลกรัม นี่ทำให้ครอบครัวของผมกังวลมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้ เพื่อนที่อยู่รอบตัวผมแนะนำให้ผมเข้ารับการรักษาแบบบาดแผลเล็กที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสแตมฟอร์ด ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สัมมนาที่อิโปห์ ว่ากันว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ต้องลองไปฟังดูด้วยตัวเองแล้วล่ะ
วันนั้น ผมและภรรยาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งระดับนานาชาติของโรงพยาบาล หลังจากที่เขาสอบถามถึงอาการของผม ก็ได้แนะนำวิธีการรักษาแบบแผลเล็กที่เหมาะกับผม แนะนำหลักการรักษาและความแตกต่างจากการรักษาแบบมาเลเซียเดิม นอกจากนี้เรายังได้รับรู้ถึงเคสตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมากมาย ช่วยให้มั่นใจขึ้นมาก ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวของเรา เรามุ่งมั่นที่จะมารักษาที่ประเทศจีน
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
(ปกติแล้วผมเป็นโค้ชเทควันโด)
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ผมมาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสแตมฟอร์ด ทีมงาน MDT ประเมินสภาพร่างกายผม และได้วางแผนการรักษาคีโมเฉพาะจุด + ภูมิคุ้มกันบำบัด" แก้ปัญหาเสมหะและอาการไอก่อน เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการรักษาในภายหลัง
การคีโมเฉพาะจุดคือการฉีดยารักษามะเร็งที่มีความเข้มข้นสูงกว่ายาคีโมแบบทั่วร่างกาย 2-92 เท่า เข้าไปในบริเวณเนื้องอกด้วยการนำทางของเครื่องฉายภาพรังสี ผมดีใจมากที่การรักษาไม่เจ็บปวด หลังจากการรักษาครั้งแรก ก็นอนพักผ่อน แล้วในวันต่อมาก็รู้สึกสบายดี
หลังจากรักษาไปสามครั้ง อาการไอของผมก็หายไป การหายใจคล่องขึ้น ในขณะเดียวกัน อาการชาฝ่าเท้าก็หายไป และอาการกระดูกสันหลังกดทับก็ทุเลาลงมากเช่นกัน ผมสามารถเดินช้าๆ โดยใช้ไม้พยุง และออกกำลังกายง่ายๆ ทุกวันได้ พอได้ออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวและกล้ามเนื้อก็แข็งแรงขึ้น และน้ำหนักของผมก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อเห็นอาการผมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภรรยาของผมก็รู้สึกยินดีกับผมมากๆ
ในเดือนพฤษภาคม 2567 หลังจากการตรวจ CT แพทย์บอกว่าก้อนมะเร็งที่ปอดผมเล็กลงประมาณ 40- 50% รอยโรคเล็กๆที่แพร่กระจายบริเวณต่อมน้ำเหลืองกระดูกไหปลาร้า เยื่อหุ้มปอดด้านขวา และไขสันหลังจำนวนมากหายไป นี่เป็นสัญญาณที่ดีจริงๆ ผมกับภรรยามีความสุขมาก แสดงว่าเราเลือกถูกทางแล้ว อยากจะบอกข่าวนี้ให้ครอบครัวทราบจนแทบรอไม่ไหว
ขอบคุณภรรยาที่อยู่เคียงข้างอย่างอบอุ่น
การเป็นมะเร็งไม่จำเป็นต้องรอความตายเพียงอย่างเดียว
หลังจากการรักษาไปหลายครั้ง ผมสัมผัสได้ว่าจีนมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคนิคการรักษามะเร็งที่นี่จึงก้าวหน้ากว่าของมาเลเซียอย่างแน่นอน
แม้ว่าผมยังต้องรับการรักษาต่อไป แต่ความกลัวและความวิตกกังวลที่เคยมีก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่ด้วยความสงบและการมองโลกในแง่ดีแล้ว ที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสแตมฟอร์ด ผมได้พบกับผู้คนมากมายที่มีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน พอสุขภาพของพวกเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาก็เริ่มมีความหวัง
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
(ขอบคุณภรรยาที่อยู่เคียงข้างผมในระหว่างการรักษามาตลอด)
บุคลากรทางการแพทย์ที่นี่เอาใจใส่เป็นกันเองและอดทนต่อคนไข้เป็นอย่างมาก ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมาโรงพยาบาลครั้งแรกนั้นเป็นวันเกิดของผม บุคลากรทางการแพทย์เดินถือเค้กเข้าไปในวอร์ดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อวยพรวันเกิดให้ผม และจัดงานฉลองเล็กๆ ให้ผม ทำให้ผมจดจำได้จนถึงทุกวันนี้
คนที่ผมอยากขอบคุณมากที่สุดคือภรรยาของผม ที่คอยอยู่เคียงข้างผมมาตลอดและช่วยให้ผมเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดได้ เวลาตื่นนอนทุกเช้าเธอคอยเตรียมอาหารให้ผม ช่วยพยุงผมออกกำลังกาย ช่วยผมอาบน้ำ ฯลฯ เธอทำหมดทุกอย่างๆ เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผม
ผมอยากจะบอกเพื่อนคนอื่นๆ ที่เป็นมะเร็งว่า การป่วยเป็นโรคนี้ไม่ใช่ว่าจะต้องตายเสมอไป คุณจะนั่งรอความตายอย่างเดียวไม่ได้ แต่คุณควรพยายามหาวิธีการรักษาต่างๆ คุณอาจจะต้องทนกับความเจ็บปวดทุกวัน แต่คุณยังต้องจดจำเรื่องดีๆ ปรับความคิด และเผชิญมันอย่างกล้าหาญ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน!