การฝังแร่ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์วัย 80 ปีสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี
เป่าจู ผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์จากอินโดนีเซีย เริ่มมีอาการไทรอยด์ที่คอโตในปี 2553 และใน 10 ปีถัดมาได้รับการผ่าตัดออก 3 ครั้ง ในปี 2564 กลับมาเป็นซ้ำ และทรุดลงในปี 2567 เมื่อโรงพยาบาลในอินโดนีเซียไม่สามารถรักษาได้ ผู้ป่วยจึงมาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจว พอได้รับการฝังแร่ไป 2 ครั้ง รอยโรคของเธอก็เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และอาการก็ดีขึ้น
เป่าจู
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
มีอาการป่วย 3 ระลอก ผู้ป่วยสูงอายุรับการผ่าตัดทั้ง 3 ครั้ง
ในปี 2553 เป่าจูในวัย 67 ปี พบว่าต่อมไทรอยด์ที่คอของเธอโตขึ้นผิดปกติ ต่อมามันบวมจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากได้รับการวินิจฉัยที่โรงพยาบาลจาการ์ตา เธอก็เข้ารับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ทั้งหมด เธอได้รับการรักษาด้วย I131 และทานยาเป็นประจำเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้ตัดชิ้นเนื้อ เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นต่อมไทรอยด์โตเฉยๆหรือเป็นมะเร็ง 7 ปีหลังจากการรักษา ร่างกายของเป่าจูดีมาตลอด ขณะที่เธอคิดว่าหายขาดแล้ว ก็มีความผิดปกติปรากฏขึ้นในร่างกายของเธอ ในปี 2560 ต่อมน้ำเหลืองที่คอซ้ายของเธอเริ่มบวม ครั้งนี้เธอเลือกเข้ารับการรักษาในสิงคโปร์ ก่อนการรักษาก้อนของเธอมีขนาดเท่าไข่ ที่สิงคโปร์ เป่าจูได้รับการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่คอซ้าย และการตรวจชิ้นเนื้อหลังการผ่าตัดพบว่าเธอเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิด papillary
หนึ่งปีหลังการผ่าตัด เป่าจู่ก็กลับมาเป็นซ้ำ เธอเดินทางกลับสิงคโปร์ทันทีอย่างไม่ลังเล แต่แพทย์ทำให้เธอโกรธมาก เพราะในระหว่างการรักษาครั้งล่าสุด แพทย์ที่ทำการตรวจพบก้อนมะเร็งเล็กๆ ที่หลอดเลือดแดง แต่แพทย์ที่ทำการผ่าตัดไม่ได้บอกเธอ เพราะกลัวความเสี่ยงที่จะทำลายหลอดเลือดแดงจึงไม่ได้กำจัดมันออกไป ส่งผลให้เกิดปัญหานี้ เธอโกรธมากจึงปฏิเสธคำแนะนำในการผ่าตัดของหมออีกครั้ง ในเมื่อไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ เธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้มะเร็งเจริญเติบโตต่อไป ในปี 2563 มีก้อนเนื้อ 3 ก้อนปรากฏขึ้นที่หลังหูและคอด้านซ้าย เธอได้รับการผ่าตัดครั้งที่ 3 ในกรุงจาการ์ตา ผลตรวจชิ้นเนื้อปรากฏว่าเป็น มะเร็งไทรอยด์แบบ papillary ลามต่อมน้ำเหลืองที่คอ
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจว เธอได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง
ในปี 2564 เป่าจู่เริ่มมีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมอีกครั้ง เธอทรมานจากอาการป่วยซ้ำแล้วซ้ำอีกมานานกว่า 10 ปี เธอเริ่มชินกับอาการนี้และไม่ใส่ใจกับอาการนี้อีกเลย ต่อมาในต้นปี 2567 อาการก็หนักขึ้น เธอจึงไปหาแพทย์เพื่อรับการผ่าตัดครั้งที่ 3 หลังการตรวจ แพทย์ไม่กล้าผ่าตัดเอาก้อนออกอีกต่อไป คำพูดของแพทย์ทำให้เธอหมดหวัง ไม่รู้ว่าควรจะก้าวต่อไปอย่างไรดี
ในขณะนี้ เมื่อเธอไม่สามารถก้าวไปต่อได้ แพทย์อีกคนได้แนะนำให้เธอลองไปรักษาที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน เป่าจูกับครอบครัวจึงไปปรึกษาแพทย์ที่ศูนย์บริการนานาชาติของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ด ในกรุงจาการ์ตา หลังจากทราบว่ายังมีวิธีการรักษาแบบบาดแผลเล็กที่เหมาะกับเธอ เป่าจูก็ไปโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจวทันที
เป่าจู แพทย์เจ้าของไข้กับพยาบาลถ่ายรูปหมู่กัน
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์
การฝังแร่เห็นผลดีมาก อาการเธอดีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป่าจูในวัย 81 ปี เดินทางมาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจวเป็นครั้งแรกพร้อมกับครอบครัวของเธอ หลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เธอได้รับการตรวจอย่างละเอียด CT ที่คอและหน้าอกของเธอแสดงให้เห็นว่าหลังจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์ด้านซ้ายและขวาพบก้อนลักษณะผิดปกติขนาด 42*38*34 มม. และต่อมน้ำเหลืองที่คอช่วงล่างก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้ก็คือการกลับเป็นมะเร็งไทรอยด์ซ้ำหลังการผ่าตัด และมีการแพร่กระจายหลายจุดที่คอทั้งสองข้าง บริเวณกระดูกไหปลาร้าซ้าย และรักแร้ซ้าย ด้วยการที่ผู้ป่วยมีการใส่ขดลวดถ่างขยายที่หัวใจ และความดันสูงระดับ 3 ทีมแพทย์ MDT จึงวางแผนการฝังแร่บริเวณต่อมน้ำเหลืองที่มะเร็งกระจายไป
การฝังแร่ไอโอดีน 125 เข้าไปในก้อนมะเร็งหรือเนื้อเยื่อที่ถูกมะเร็งลุกลามเข้าไป เป็นการปล่อยรังสีแกมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รังสีฉายไปยังก้อนมะเร็งโดยตรง มีจุดเด่นคือบาดแผลขนาดเล็ก ปลอดภัยสูง ออกฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง และไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ไม่เหมาะกับการผ่าตัด ผู้ที่กลับมาเป็นซ้ำหลังการผ่าตัด และผู้ที่ไม่สามารถทนต่อการฉายแสงและเคมีบำบัดแบบทั่วไปได้
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาโทรเบอร์ 0610367888 0907099666 เพื่อปรึกษาแพทย์
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 เป่าจู่ได้รับการฝังแร่ครั้งแรก เธอกล่าวว่าไม่รู้สึกใดๆ ในระหว่างการรักษา เธอบอกว่าอาการคอเคล็ดก่อนการผ่าตัดยังหนักกว่าอีก แทบไม่มีผลข้างเคียงใดๆ หลังการผ่าตัดเลย หลังจากการรักษาในวันที่สามเป่าจู่ก็ออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้าน เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 เธอกลับมาตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผล CT พบว่ารอยโรคบริเวณที่ฝังแร่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม และอาการของเธอคงที่ การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาการของเธอดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลเปรียบเทียบ CT แสดงให้เห็นว่ามะเร็งเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
เปรียบเทียบก่อน-หลังรักษา
เป่าจู่กล่าวว่าเทคโนโลยีของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจวก้าวหน้ามากๆ เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้รับการรักษาที่นี่ คุณหมอ.จาง แพทย์ที่รักษาเธอมีความอดทนและเอาใจใส่มาก หากมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับการรักษา คุณหมอจางจะตอบพวกเขาอย่างใจเย็นและชัดเจน เธอเข้าร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ที่โรงพยาบาลจัดขึ้นเป็นประจำสองครั้ง เธอไปที่ถนนปักกิ่งและชมแคนตันทาวเวอร์ หลังจากออกจากโรงพยาบาลในครั้งนี้ เธอจะเดินทางไปหางโจวและหนานจิงกับครอบครัวก่อน จากนั้นจึงเดินทางกลับจาการ์ตา
เป่าจูเผชิญโรคมะเร็งด้วยสภาพจิตใจที่ดีมาก คุณยายวัย 81 ปี ที่เรียกขานตัวเองว่าอายุ 18 ปีบอกว่า การเป็นโรคนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาเสียใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว ในจาการ์ตา เธอมักจะนำประสบการณ์ของตัวเองมาให้กำลังใจเพื่อน ๆ รอบข้าง และตอนนี้เธอบอกว่าเธอเองก็ต้องพยายามมากๆเช่นกัน!
>>หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็ง กรุณาคลิกเพื่อปรึกษาแพทย์